PHP
Functions
ฟังก์ชันในโปรแกรมส่วนใหญ่ได้รับการเรียกคำสั่งเพื่อทำงานอย่างเดียว
สิ่งนี้ทำให้คำสั่งอ่านได้ง่ายและยอมให้ใช้คำสั่งใหม่แต่ละครั้งเมื่อต้องการทำงานเดียวกัน
ฟังก์ชันเป็นโมดูลเก็บคำสั่งที่กำหนดการเรียกอินเตอร์เฟซ ทำงานเดียวกัน
และตัวเลือกส่งออกค่าจากการเรียกฟังก์ชัน
คำสั่งต่อไปเป็นการเรียกฟังก์ชันอย่างง่าย
my_function
();
คำสั่งเรียกฟังก์ชันชื่อ my_function
ที่ไม่ต้องการพารามิเตอร์ และไม่สนใจค่าที่อาจจะส่งออกโดยฟังก์ชันนี้
ฟังก์ชันจำนวนมากได้รับการเรียกด้วยวิธีนี้
เช่น ฟังก์ชัน phpinfo () สำหรับแสดงเวอร์ชันติดตั้งของ PHP
สารสนเทศเกี่ยวกับ PHP การตั้งค่าแม่ข่ายเว็บ ค่าต่างๆ ของ PHP
และตัวแปร ฟังก์ชันนี้ไม่ใช้พารามิเตอร์และโดยทั่วไปไม่สนใจค่าส่งออก
ดังนั้นการเรียก phpinfo () จะประกอบขึ้นดังนี้
phpinfo ();
การกำหนดฟังก์ชันและการเรียกฟังก์ชัน
การประกาศฟังก์ชันเริ่มต้นด้วยคีย์เวิร์ด function กำหนดชื่อฟังก์ชัน
พารามิเตอร์ที่ต้องการ และเก็บคำสั่งที่จะประมวลผลแต่ละครั้งเมื่อเรียกฟังก์ชันนี้
<?php
function
function_name(parameter1,…)
{
ชุดคำสั่ง
…
}
?>
ชุดคำสั่งต้องเริ่มต้นและสิ้นสุดในวงเล็บปีกกา
({ }) ตัวอย่างฟังก์ชัน my_function
<?php
function
my_function()
{
$mystring
=<<<BODYSTRING
my function ได้รับการเรียก
BODYSTRING;
echo
$mystring;
}
?>
การประกาศฟังก์ชันนี้
เริ่มต้นด้วย function ดังนั้นผู้อ่านและตัวกระจาย PHP ทราบว่าต่อไปเป็นฟังก์ชันกำหนดเอง
ชื่อฟังก์ชันคือ my_function การเรียกฟังก์ชันนี้ใช้ประโยคคำสั่งนี้
my_function
();
การเรียกฟังก์ชันนี้จะให้ผลลัพธ์เป็นข้อความ
"my function ได้รับการเรียก " บน browser
การตั้งชื่อฟังก์ชัน
สิ่งสำคัญมากในการพิจารณาเมื่อตั้งชื่อฟังก์ชันคือชื่อต้องสั้นแต่มีความหมาย
ถ้าฟังก์ชันสร้างส่วนตัวของเพจควรตั้งชื่อเป็น pageheader () หรือ
page_header ()
ข้อจำกัดในการตั้งชื่อคือ
ฟังก์ชันไม่สามารถมีชื่อเดียวกับฟังก์ชันที่มีอยู่
ชื่อฟังก์ชันสามารถมีได้เพียงตัวอักษรตัวเลข
และ underscore
ชื่อฟังก์ชันไม่สามารถเริ่มต้นด้วยตัวเลข
หลายภาษายอมให้ใช้ชื่อฟังก์ชันได้อีก
ส่วนการทำงานนี้เรียกว่า function overload อย่างไรก็ตาม
PHP ไม่สนับสนุน function overload ดังนั้นฟังก์ชันไม่สามารถมีชื่อเดียวกันกับฟังก์ชันภายใน
หรือฟังก์ชันกำหนดเองที่มีอยู่
หมายเหตุ
ถึงแม้ว่าทุกสคริปต์ PHP รู้จักฟังก์ชันภายในทั้งหมด
ฟังก์ชันกำหนดเองอยู่เฉพาะในสคริปต์ที่ประกาศสิ่งนี้หมายความว่า
ชื่อฟังก์ชันสามารถใช้ในคนละไฟล์แต่อาจจะไปสู่ความสับสน และควรหลีกเลียง
ชื่อฟังก์ชันต่อไปนี้ถูกต้อง
name ()
name2 ()
name_three
()
_namefour ()
ชื่อไม่ถูกต้อง
5name ()
Name-six ()
fopen ()
ข้อจำกัดในการตั้งชื่อคือ
ฟังก์ชันไม่สามารถมีชื่อเดียวกับฟังก์ชันที่มีอยู่
ชื่อฟังก์ชันสามารถมีได้เพียงตัวอักษรตัวเลข
และ underscore
ชื่อฟังก์ชันไม่สามารถเริ่มต้นด้วยตัวเลข
หลายภาษายอมให้ใช้ชื่อฟังก์ชันได้อีก
ส่วนการทำงานนี้เรียกว่า function overload อย่างไรก็ตาม
PHP ไม่สนับสนุน function overload ดังนั้นฟังก์ชันไม่สามารถมีชื่อเดียวกันกับฟังก์ชันภายใน
หรือฟังก์ชันกำหนดเองที่มีอยู่
หมายเหตุ
ถึงแม้ว่าทุกสคริปต์ PHP รู้จักฟังก์ชันภายในทั้งหมด
ฟังก์ชันกำหนดเองอยู่เฉพาะในสคริปต์ที่ประกาศสิ่งนี้หมายความว่า
ชื่อฟังก์ชันสามารถใช้ในคนละไฟล์แต่อาจจะไปสู่ความสับสน และควรหลีกเลียง
ชื่อฟังก์ชันต่อไปนี้ถูกต้อง
name ()
name2 ()
name_three
()
_namefour ()
ชื่อไม่ถูกต้อง
5name ()
Name-six ()
fopen ()
การเรียกฟังก์ชันไม่มีผลจากชนิดตัวพิมพ์
ดังนั้นการเรียก function_name (), Function_Name() หรือ
FUNCTION_NAME() สามารถทำได้และมีผลลัพธ์เหมือนกัน
แต่แบบแผนการกำหนดชื่อฟังก์ชันใน PHP ให้ใช้ตัวพิมพ์เล็ก
ชื่อฟังก์ชันแตกต่างจากชื่อตัวแปร
โดยชื่อตัวแปรเป็นชนิดตัวพิมพ์มีผล ดังนั้น $Name และ
$name เป็น 2 ตัวแปร แต่ Name () และ
name () เป็นฟังก์ชันเดียวกัน
การหยุดประมวลผลภายในฟังก์ชัน
คีย์เวิร์ด
return หยุดการประมวลผลฟังก์ชัน
ฟังก์ชันสิ้นสุดได้เพราะประโยคคำสั่งทั้งหมดได้รับการประมวลผล หรือ ใช้คีย์เวิร์ด return
การประมวลผลกลับไปยังประโยคคำสั่งต่อจากการเรียกฟังก์ชัน
<?php
function
division($x, $y)
{
if ($y == 0
|| !isset($y))
{
echo " ตัวหาร
y ต้องไม่เป็นศูนย์หรือไม่มีค่า" ;
return;
}
$result = $x
/ $y;
echo
$result;
}
?>
ถ้าประโยคคำสั่ง
return ได้รับการประมวลผล
บรรทัดคำสั่งต่อไปในฟังก์ชันจะถูกข้ามไป และกลับไปยังผู้เรียกฟังก์ชันนี้
ในฟังก์ชันนี้ ถ้า y เป็น 0 จะหยุดการประมวลผล ถ้า y ไม่เท่ากับ
0 จะคำนวณผลหาร
สมมติป้อนค่าเป็น
x = 4, y = 0
x = 4
x = 4, y = 2
ผลลัพธ์ของคำสั่ง
คือ
x = 4, y = 0
ผลลัพธ์ ตัวหาร y ต้องไม่เป็นศูนย์หรือไม่มีค่า
x = 4, y = ผลลัพธ์
ตัวหาร y ต้องไม่เป็นศูนย์หรือไม่มีค่า
x = 4, y = 2
ผลลัพธ์ 2
การเรียกฟังก์ชัน
เมื่อฟังก์ชันได้รับการประกาศหรือสร้างขึ้นแล้ว
การเรียกฟังก์ชันสามารถเรียกมาจากที่ใดๆ ภายในสคริปต์ หรือ
จากไฟล์ที่มีการรวมด้วยประโยคคำสั่ง include() หรือ
require()
ตัวอย่าง
ฟังก์ชัน show_message() เก็บอยู่ในไฟล์ fn_ 03
_keeper.php ส่วนผู้เรียกอยู่ในสคริปต์ fn_ 03
_caller.php
<?php
include("fn_
03 _keeper.php");
show_message();
?>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น